หุ้น NRF สรุปข้อมูลหุ้น IPO บริษัทอาหารแห่งอนาคต
หุ้น NRF คือหุ้นสายอาหารที่น่าสนใจอีกตัวหนึ่งซึ่งกำลังเข้ามา IPO ในตลาดหุ้นไทย
หุ้นอาหารคือหนึ่งในหุ้นยอดนิยมของนักลงทุนไทย และเป็นหุ้นที่เข้าใจง่ายเนื่องจากเป็นของที่ใกล้ตัวเรามากๆ
NRF มีธุรกิจที่หลากหลาย โดยแบ่งเป็น 3 กลุ่มธุรกิจ
- กลุ่ม Ethnic Food (OEM และ NRF Brands)
- กลุ่ม Plant-Based Food
- Functional Product
ตอนนี้บริษัทฯ มีผลิตภัณฑ์มากกว่า 2,000 SKUs มีสูตรอาหารมากกว่า 500 สูตรอาหาร และยังทำการตลาดใน 25 ประเทศทั่วโลก
พอเข้าตลาดมาแล้วบริษัท ฯ มีแผนจะเพิ่มกำลังการผลิต และเพิ่มการลงทุนในบริษัท “อาหารแห่งอนาคต” ชั้นนำในต่างประเทศ โดยมีเป้าหมายในการทำให้รายได้โต 3 เท่าในระยะเวลา 4 ปี !!!
NRF จะทำยังไงให้สามารถเติบโตได้ตามแผน และนักลงทุนอย่างเราๆ คงต้องรู้อะไรบ้างถ้าอยากลงทุนในหุ้นตัวนี้? สรุปไว้ให้หมดแล้วครับ ไปศึกษาด้วยกันได้เลย !
หุ้น NRF น่าสนใจยังไง?
สิ่งที่ทำให้ผมสนใจหุ้น NRF จนต้องเข้ามาทำข้อมูลศึกษาเพิ่มเติมมีอยู่ 6 ประเด็นหลักด้วยกัน
- เป้าหมายการเติบโตของบริษัทฯ ที่เรียกได้ว่า “Ambitious” มากๆ คือการโต 3 เท่าภายใน 4-5 ปี จากยอดขายราวๆ ปีละ 1,000 ลบ. จะกลายเป็น 3,000 ลบ. ในปี 2567
- การที่บริษัทฯ ร่วมลงทุนกับ Brecks บริษัทที่เชี่ยวชาญการผลิตอาหารโปรตีนจากพืช เพื่อเป็นผู้ผลิต Plant-based Food หรืออาหารที่ทำมาจากโปรตีนจากพืชซึ่งถือได้ว่าเป็นเทรนด์แห่งอนาคต ภายใต้บริษัทชื่อ Plant and Bean ในตลาดหุ้นสหรัฐฯ มีบริษัท Startups ที่ทำธุรกิจแบบนี้อยู่คือ Beyond Meat ที่เข้าตลาดหุ้นไปได้แล้ว ตอนนี้ในไทยกำลังจะมีบ้างแล้ว ซึ่งตอนเข้ามาเทรดน่าจะเป็นที่สนใจของนักลงทุนพอสมควร
- ลงทุนใน New Protein Fund 100 Startups ในปี 2020 เพื่อเป็นลูกค้าหรือนำเทคโนโลยีการผลิตมาพัฒนาผลิตภัณฑ์ในอนาคต
- แผนการลงทุนในบริษัท ซิตี้ฟูด โดย NRF มีสัดส่วนถือหุ้นอยู่ 15% เพื่อเพิ่มกำลังการผลิต ซึ่งทำธุรกิจผลิตเครื่องปรุงอาหารและน้ำเต้าหู้ Shinpo (NRF ได้สิทธิ์ขายแต่เพียงผู้เดียว และหลังจากเข้าตลาดหุ้นเสร็จน่าจะ Takeover หุ้นทั้งหมดของซิตี้ฟูด)
- ฐานลูกค้าและธุรกิจมีการกระจายความเสี่ยงที่ดี มีทั้งธุรกิจ OEM, แบรนด์ของตนเอง และธุรกิจอาหารโปรตีนจากพืช และ Functional Product
- การเข้าสู่ E-Commerce ซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งในช่วง Covid-19 ระบาด เพราะผู้บริโภคสามารถหาซื้อผลิตภัณฑ์ได้ทางออนไลน์ โดยที่ไม่ต้องออกจากนอกบ้านไปเสี่ยงโรคภัย
ถ้าดูผ่านๆ จะรู้สึกว่าธุรกิจของ NRF มีความเป็นธุรกิจอาหาร มีการรับจ้างผลิตดูไม่ค่อยโดดเด่น แต่พอศึกษาลงไปเพิ่มเติมจะเห็นว่า NRF มีโอกาสเป็นหุ้นที่เติบโตได้ดี และกำลังปรับเปลี่ยนตนเอง (Transformation) ไปเป็นบริษัทอาหารแห่งอนาคต ซึ่งประเด็นนี้ถือว่าน่าสนใจมากๆ
ธุรกิจอาหารแห่งอนาคต
NRF ธุรกิจอาหารแห่งอนาคต
ธุรกิจอาหารโปรตีนจากพืชถือว่าเป็นเทรนด์ล่าสุดในอุตสาหกรรมอาหาร เพราะเริ่มมีคนจำนวนมากที่ต้องการดูแลสุขภาพตนเองให้ดีขึ้น จึงเลือกที่จะกินเนื้อที่ทำมาจากพืชมากกว่า เนื้อปกติที่มีไขมันสูง แถมในบางครั้งมีการฉีดฮอร์โมนเร่งโต
NRF ถือเป็นบริษัทแรกๆ ในประเทศไทยที่มีการเจาะตลาดนี้ ด้วยการเริ่มต้นรับจ้างผลิตให้กับแบรนด์ชั้นนำต่างประเทศ
รายได้ที่เริ่มเติบโตอีกครั้ง
รายได้ที่เริ่มเติบโตอีกครั้งของ NRF
ธุรกิจน่าสนใจแล้ว ในเชิงงบการเงินก็น่าสนใจไม่แพ้กัน เพราะบริษัทเริ่มมีการเติบโตของรายได้ใน 6 เดือนแรก ปี 2563 สูงถึง 15.3% รายได้เติบโต Double Digit ถ้าในอนาคตคุมค่าใช้จ่ายดีๆ กำไรมีโอกาสโต 30-40% ได้เลย
โดยต้นเหตุของการเติบโตมาจากการส่งออกผลิตภัณฑ์อาหารของบริษัทที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องในทุกๆ ประเทศที่บริษัทฯ ส่งออกไป
หากดูการเติบโตของกำไรอาจจะเห็นว่า 3 ปีที่ผ่านมากำไรบริษัทค่อนข้างผันผวนมาก ส่วนหนึ่งเพราะทางบริษัทฯ มีค่าใช้จ่ายพิเศษจากการซื้อบริษัท ซึ่งหลังจากนี้ไปน่าจะน้อยลงเยอะ
- ปี 2560 – มีคชจ.พิเศษ 137.3 ลบ.
- ปี 2561 – มีคชจ.พิเศษ 148 ลบ.
- ปี 2562 – มีคชจ.พิเศษ 146.3 ลบ.
ถ้าเอาค่าใช้จ่ายพิเศษเหล่านี้บวกกลับเข้าไปจะเห็นว่า NRF ทำกำไรได้ไม่ธรรมดาเลยทีเดียว
ธุรกิจของ NRF
หุ้น NRF ทำธุรกิจอะไรบ้าง?
ด้วยข้อมูล 6 เดือน ปี 2563 ธุรกิจของ NRF แบ่งออกเป็นบริการที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์อาหารหลายอย่าง ตามนี้ครับ
1.กลุ่ม Ethnic Food
- ผลิตภัณฑ์รับจ้างผลิต 61.8%
- ผลิตภัณฑ์ภายใต้ตราสินค้าของบริษัทฯ 25.8%
2.กลุ่ม Plant-Based Food 6.4%
3.กลุ่ม Functional Product ผลิตภัณฑ์สินค้าอุปโภคที่ไม่ใช่อาหารในบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม (V-Shapes) 4.2%
ถ้าแบ่งเป็นตามผลิตภัณฑ์อาหารที่บริษัทฯ ผลิตซึ่งมีทั้งซอสพริก น้ำพริก อาหารสำเร็จรูป จะแบ่งเป็นสัดส่วนได้ตามนี้ครับ
- เครื่องประกอบอาหารและเครื่องปรุงรส 63.2%
- อาหารและเครื่องดื่ม 32.5%
- ผลิตภัณฑ์สินค้าพร้อมรับประทาน Functional Product 4.3%
โดยปัจจุบันรายได้จากแบรนด์ของบริษัทฯ เองยังค่อนข้างน้อยเพียง 155.5 ลบ. ใน 6 เดือน ปี 2563 ถ้าทั้งปีก็ราวๆ 310 ลบ. แต่ข้อดีคือถ้าบริษัทฯ หันมาผลิตสินค้าที่เป็นแบรนด์ของตนเองมากขึ้น ทั้งในสินค้า Plant Based Food เช่นน้ำเต้าหู้ และ Functional Products โดยอัตราการทำกำไรและกำไรสุทธิบรรทัดสุดท้ายก็จะดีตามมา เป็น Upside ให้กับการลงทุนได้ บริษัทก็จะมี Target 30-40% Plant Based ในปี 2024
นอกจากนั้น NRF ยังทำการพัฒนา Products ให้กับลูกค้าตั้งแต่ การจัดหาวัตถุดิบ พัฒนาสูตรผลิต ไม่ใช่เป็นมือปืนรับจ้างสร้างสินค้า จึงมีกำไรขั้นต้นในอัตราที่สูง 30%
รายได้ของ NRF มาจากประเทศอะไรบ้าง?
อีกหนึ่งจุดเด่นของหุ้น NRF คือตลาดที่ค่อนข้างกระจายตัวออกไปทั่วโลก โดยมีรายได้จากต่างประเทศสูงถึง 83.7% บริษัทฯมีการส่งสินค้าไปขายหลากหลายทวีป โดยเป็นสัดส่วนตามนี้ครับ
- ทวีปยุโรป 33.0%
- ทวีปอเมริกาเหนือ 31.2%
- ทวีปเอเชีย 13.8%
- ทวีปโอเชียเนียและแอฟริกา 5.8%
- และประเทศไทย 14.4%
หุ้น NRF น่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีพอสมควรเลยครับ
ที่มา: งบการเงินงวด 6 เดือน สิ้นสุด 30 มิ.ย. 63
แบรนด์สินค้าของ NRF
NRF มีแบรนด์สินค้าของตนเองหลายแบรนด์ โดยเป็นสินค้าที่เกี่ยวข้องกับเครื่องปรุงและซอสที่เป็นอาหารไทยเป็นหลัก แบรนด์สินค้าที่ได้รับความนิยมของบริษัทฯ เช่น
- พ่อขวัญ – เน้นอาหารไทย เครื่องปรุงต้มยำ น้ำจิ้มและเครื่องแกง
- Lee Brand – เน้นอาหารเอเชีย มันปู มันกุ้ง น้ำซุปสำเร็จรูป และซอสเทริยากิ
- Thai Delight – อาหารไทยสำเร็จรูปแบบเข้าไมโครเวฟได้
- Shanggie – เครื่องปรุงอาหารและน้ำซุปกึ่งสำเร็จรูป
- DeDe – เครื่องดื่มชนิดผงและน้ำ เช่นน้ำมะพร้าว ชาไทย ชาไข่มุก
- Sabzu – ซอสศรีราชา น้ำจิ้มแจ่ว น้ำจิ้มไก่
ผมลอง Search ข้อมูลสินค้าของบริษัทดูใน Amazon.com เจอว่าสินค้าได้รับเรทติ้งที่ดีไม่น้อย รับประกันคุณภาพว่าของเขาดีจริงครับ